ปีนี้นาฬิกาข้อมือจากตระกูลยอดนิยมอย่าง Oyster Perpetual ได้มีการนำหลายๆ รุ่นกลับมาสร้างสรรค์ด้วยวัสดุและลวดลายใหม่เพื่อเอาใจสาวกแฟนนาฬิกา Rolex โดยเฉพาะ
Rolex ได้เปิดตัวคอลเล็กชั่นนาฬิกาประจำปี 2022 ภายในงานเทศกาลนิทรรศการ Watches and Wonders ที่จัดขึ้นในเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งปีนี้โรเล็กซ์ได้นำนาฬิกาข้อมือจากตระกูลยอดนิยมอย่าง Oyster Perpertual ในหลายๆ รุ่นมานำเสนอในหลากหลายรูปแบบ ด้วยแนวคิดดั้งเดิมกับการเสาะหาวัสดุล้ำสมัยรวมถึงอัญมณีเม็ดงาม เพื่อนำมาสร้างสรรค์ออกมาเป็นดีไซน์ใหม่ๆ พร้อมกับแรงบันดาลใจที่ยังสะท้อนเรื่องราวประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และยังมีการพัฒนากลไกให้มีฟังก์ชั่นที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โว้กประเทศไทยได้รวบรวม 6 เรือนเด่นจากคอลเล็กชั่นนี้มาให้ชมกัน
เรือนเวลาที่สดุดีให้แก่ผู้บุกเบิกในศาสตร์ของการเดินทางบนน่านฟ้า กับการอ้างอิงดีไซน์ของเครื่องมือบนเครื่องบินกับหมายเลขบอกเวลาเป็นตัวเลขหลักนาที แต่ยังคงเลข 3 6 และ 9 เอาไว้และเปลี่ยนเลข 12 เป็นไอคอนรูปสามเหลี่ยม รวมถึงการเพิ่มขอบป้องกันเม็ดมะยมและเส้นเรืองแสงบนบริเวณขอบหน้าปัด
นาฬิกาจีเอ็มทีรุ่นนี้คือนาฬิกาเรือนแรกที่ได้เดินทางลัดฟ้าข้ามทวีปเป็นครั้งแรกในปี 1955 และยังคงนำเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มาตั้งเป็นเป้าหมายในการพัฒนากลไกสำหรับผู้ที่เดินทางข้ามประเทศอยู่เป็นประจำ รวมถึงความแม่นยำในการบอกเวลาอันเป็นเลิศ กับตัวเรือน Cerachrom ขอบหน้าปัดสีดำเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิการุ่นนี้
นาฬิกาโครโนมิเตอร์ไขลานอัตโนมัติ กับดีไซน์หน้าปัดที่บอกวันของสัปดาห์ตรงบริเวณ 12 นาฬิกาอันเป็นเอกลักษณ์ในแบบเฉพาะของ Day-Date กับตัวเรือนแพลทินัมโดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดแบบเซาะร่องที่ต้องอาศัยความชำนาญในการรังสรรค์ ซึ่งปกติแล้วการเซาะร่องจะใช้ในงานดีไซน์ของตัวเรือนทองคำเท่านั้น จึงทำให้นาฬิกาเดย์เดตรุ่นนี้เป็นเรือนพิเศษ
นอกจากจะเต็มไปด้วยนวัตกรรมกลไกสุดล้ำที่สามารถผจญภัยไปบนผืนน้ำได้โดยปราศจากความกังวล นาฬิกาเรือนนี้ยังเป็นเหมือนจิวเวลรีกับการนำทองคำ 18K มารังสรรค์เป็นรุ่น Yacht-Master เป็นครั้งแรก รวมถึงการเชื่อมกับสายใหม่อย่าง OysterFlex ซึ่งทั้งเรือนและสายถูกพัฒนาในแลบ ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างใกล้ชิดเพื่อสาวกโรเล็กซ์
ถึงแม้นาฬิกาเรือนนี้จะได้รับความนิยมในฐานะของเรือนเวลาที่มีดีไซน์สุดคลาสสิกอยู่แล้ว แต่โรเล็กซ์ไม่หยุดที่จะต่อเติมความคิดสร้างสรรค์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากความงดงามของดอกไม้ยามค่ำคืน โดยการนำลวดลายดอกไม้มาสลักไว้บนหน้าปัดพร้อมประดับเพชรไว้ตรงกลางดอก สะท้อนถึงหยดน้ำค้างก่อนตะวันจะสาง เป็นการมอบเรื่องราวของวัฏจักรของฤดูกาลที่เปลี่ยนผันตามกาลเวลาได้อย่างน่าประทับใจ
นาฬิาเรือนนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสีสันอันตระการตาในช่วงเวลาที่พระอาทิตย์และผืนน้ำบนเส้นมหาสมุทรแบ่งปันพื้นที่กันอย่างละครึ่ง ก่อให้กำเนิดแสงในโทนสีฟ้าและสีม่วง ซึ่งได้นำมาสร้างสรรค์เป็นเพชรและแซฟไฟร์หลากสีสัน ไม่ว่าจะเป็นสีชมพู สีน้ำเงินและสีม่วง ไล่เรียงกันตรงบริเวณขอบหน้าปัดถึง 48 เม็ด รวมถึงเพชรน้ำงามทรงกลมที่ประดับตรงขาเรือนเวลาที่เชื่อมกับสายใหม่อย่าง OysterFlex เป็นการปิดคอลเล็กชั่นประจำปี 2022 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
Credit By : Vogue Thailand